“จากการติดตามผลงานของน้อง ๆ นักกีฬาวอเลย์บอลทีมชาติไทยมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่านักกีฬาตัวหลักในปัจจุบันได้ร่วมเล่นกับรุ่นพี่ที่เป็นตำนาน 7 เซียนมานานพอสมควร เชื่อว่าประสบการณ์ตรงนี้จะทำให้น้อง ๆ กลุ่มนี้เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง มีทิศทางที่ชัดเจน และสามารถสานต่อตำนานของวงการกีฬาวอลเลย์บอลต่อไปได้ ฉะนั้นเราเลยให้ความหมายของน้อง ๆ นักกีฬาวอลเลย์บอลกลุ่มนี้ว่า เป็นผู้ที่จะมาสร้างตำนานบทใหม่ของวงการวอลเลย์บอลไทยขึ้นมา”สำหรับผลงาน 3 เหรียญทอง ได้จาก ดาวน์ฮิลชาย นายเมธาสิทธิ์ บุญเสนห์, ไครทีเรียมหญิง ร้อยเอกหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์, ไทม์ไทรอัลบุคคลชาย พันจ่าอากาศโท พีระพล ชาวเชียงขวาง ส่วน 2 เหรียญเงินจาก ดาวน์ฮิลหญิง จ่าอากาศโทหญิง วิภาวี ดีคาบาเลส, ไครทีเรียมบุคคลชาย สิบโท สราวุฒิ สิริรณชัย
เคยผ่านการลงเล่นให้กับ ทีมชาติโครเอเชีย มาแล้วทุกรุ่น ตั้งแต่ U-16, U-17, U-18, U-19, U-20 และ U-21 ส่วนเส้นทางค้าแข้งอาชีพ เคยลงเล่นให้กับสโลวาน ลิเบอเรช ยักษ์ใหญ่ในลีกสูงสุดเช็ก และยูนิเวอร์ซิตาเตีย ไครโอวา ยอดทีมแห่งลีกโรมาเนีย ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงต้น ฤดูกาล 2020
โดย เรนาโต เคลิช ได้เดินทางมาเซ็นสัญญา และเปิดตัวร่วมกับนายศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีม เมื่อ 27 พ.ค. ที่สำนักงานสโมสร ชลบุรี เอฟซี ภายในชลบุรี สเตเดียมเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายที่ต้องลุ้นกันถึงช่วงซัดเด้นเดธเพลย์ออฟหลัง ฐิติพัศ เล็ม นักกอล์ฟวัย 23 ปีจากกรุงเทพฯ เก็บสามเบอร์ดี้ในการเล่น 5 หลุมสุดท้าย ทำให้จบรอบสุดท้ายเข้ามาอีก 2 อันเดอร์พาร์ 68 และขึ้นไปนำบนคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 270 ก่อนที่ วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง จะจบรอบสุดท้ายเข้ามา อีเวนพาร์ 70 ขึ้นมาจบที่ลบสิบอีกคนต้องไปดวลกันต่อในการเพลย์ออฟสำหรับการลุ้นแชมป์ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์รายการแรกในอาชีพของทั้งคู่การเพลย์ออฟกลับมาเล่นกันที่หลุม 18 พาร์ 4 ระยะ 464 หลา หลังเซฟพาร์ด้วยกันทั้งสองคนที่หลุมแรกของการเพลย์ออฟ วิชยานนท์ มาปล่อยหมัดเด็ดที่หลุมสองของการเพลย์ออฟด้วยการแอพโพรชอย่างแม่นยำตามด้วยการพัตต์เบอร์ดี้ระยะคันธงเศษลงไปคว้าแชมป์ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์รายการแรกในชีวิตไปครอง ส่วน ฐิติพัศ ซึ่งตีช็อตสองหลุดไปด้านขวาของกรีน ชิพกลับขึ้นมาเหลือระยะเซฟพาร์ประมาณ 7 ฟุตแต่ไม่มีโอกาสได้พัตต์เนื่องจาก วิชยานนท์ เก็บเบอร์ดี้ไปก่อนคว้าชัยชนะและเงินรางวัลไปครอง 450,000 บาท ส่วน ฐิติพัศ รับเงินปลอบใจ 285,000 บาท
กลุ่มเอ : ซาอุดีอาระเบีย, จีน, เมียนมา, มัลดีฟส์, อุซเบกิสถาน (เจ้าภาพ) กลุ่มบี : กาตาร์, บาห์เรน (เจ้าภาพ), บังคลาเทศ, เนปาล, ภูฎาน กลุ่มซี : ญี่ปุน, เยเมน, ปาเลสไตน์, สปป.ลาว (เจ้าภาพ), กวม กลุ่มดี : จอร์แดน (เจ้าภาพ), ไต้หวัน, ซีเรีย, เติร์กเมนิสถาน, หมู่เกาะนอร์เธิร์น มาเรียนา กลุ่มอี : เกาหลีใต้, มาเลเซีย, มองโกเลีย (เจ้าภาพ), ศรีลังกา กลุ่มเอฟ : อินโดนีเซีย (เจ้าภาพ), เวียดนาม, ฮ่องกง, ติมอร์ เลสเต กลุ่มจี : ไทย, โอมาน (เจ้าภาพ), ฟิลิปปินส์, อัฟกานิสถาน กลุ่มเอช : ออสเตรเลีย, อิรัก (เจ้าภาพ), อินเดีย, คูเวต กลุ่มไอ : ทาจิกิสถาน (เจ้าภาพ), กัมพูชา, เลบานอน, สิงคโปร์ กลุ่มเจ : ยูเออี, อิหร่าน, คีร์กิซสถาน (เจ้าภาพ), บรูไน“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 แท็กทีม “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 และ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 พร้อมทีมงาน Yamaha Thailand Racing Team ได้ออกเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการใหญ่แห่งปี Asia Road Racing 2022 สนามที่ 2 ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือได้ว่าเป็นการกลับมาแข่งอีกครั้งในรอบ 2 ปีที่สนามเซปังฯ โดยครั้งสุดท้ายของการแข่งขันที่ประเทศมาเลเซียมีขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมปี 2020 ซึ่งเป็นผลงานระดับท็อปของ Yamaha Thailand Racing Team สามารถคว้าดับเบิ้ลโพเดี้ยมจาก “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 บวกกับ 1 โพเดี้ยมของ “ตี” อนุภาพ ซามูล #500 ด้วยรถ Yamaha YZF-R1M ในรุ่น ASB1000 รวมถึงอันดับ 4 ของ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ #56 ด้วยรถแข่ง Yamaha YZF-R6 ในรุ่น SS600